ขิง เป็นสมุนไพรที่มีชื่อเสียงในการใช้เป็นยาและเครื่องปรุงรสในอาหารของคนไทยมานานกว่าพันปี ขิง มีลักษณะเป็นรากที่มีกลิ่นหอมและรสชาติเผ็ดขม ในบางครัวเรือนของคนไทย ขิง ถือเป็นส่วนสำคัญของเมนูอาหารหลาย
ขิง มีสารสำคัญอย่าง gingerol และ shogaol ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอการอักเสบ ลดอาการคลื่นไส้ และช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย นอกจากนี้ ขิง ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ
การใช้ขิงเป็นยาและเครื่องปรุงรสในอาหารมีความปลอดภัยสูง แต่ควรระมัดระวังในการใช้ในปริมาณมากเนื่องจากอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น อาการแสบร้อนในกระเพาะอาหาร และอาการเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
ในสมัยก่อน ขิงถือเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย แต่ในปัจจุบันการผลิตขิงมีการลดลงเนื่องจากการใช้ขิงเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อย่างไรก็ตาม ขิงยังคงเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าทางสุขภาพและเป็นส่วนสำคัญของอาหารไทย
ประโยชน์ของขิง
ช่วยย่อยอาหาร แก้อาการท้องอืด
สารประกอบฟีโนลิกในขิงมีส่วนช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในลำไส้ พร้อมทั้งยังมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ขิงยังมีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้อย่างอ่อน ส่งผลให้อาการท้องอืด แน่นท้อง และอาการท้องเฟ้อบรรเทาลงได้
บรรเทาอาการคลื่นไส้
ฤทธิ์ร้อนของขิงเป็นยาแก้อาการคลื่นไส้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอาการคลื่นไส้ที่เกิดจากความผิดปกติของกระเพาะอาหารและลำไส้ ที่ได้รับสารเคมีหรืออาหารแสลงบางอย่างมา นอกจากนี้ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Support Care Cancer เมื่อปี 2012 ยังบอกด้วยว่า การดื่มน้ำขิงเป็นประจำทุกวันจะสามารถลดอาการคลื่นไส้ในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัดได้ด้วย
บำรุงรักษาสุขภาพช่องปาก
สารจิงเกอร์รอลของขิงยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปากด้วยนะคะ โดยมีส่วนช่วยกำจัดเชื้อโรคอันเป็นสาเหตุของโรคเหงือกอักเสบและคราบพลัคในช่องปากเราได้อย่างมีประสิทธิภาพเชียวล่ะ
ช่วยลดอาการอักเสบ
ขิงอุดมไปด้วยสารต้านการอักเสบ และสารต้านอนุมูลอิสระก็ค่อนข้างสูงนอกจากนี้ในขิงยังมีสารจิงเกอร์รอล (Gingerol) ซึ่งมีฤทธิ์รุนแรงกว่าแอสไพริน และยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบภายในร่างกาย ดังนั้นหากดื่มน้ำขิงเป็นประจำ ก็จะช่วยป้องกันการอักเสบในร่างกายได้อีกทางหนึ่ง
ข้อควรระวังในการรับประทานขิง
อาจทำให้เกิดแผลร้อนในภายในปากได้ ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้าหากรับประทานเข้าไปในปริมาณที่มากก็จะสามารถทำให้เยื่อบุภายในช่องปากเกิดการอักเสบ จนเป็นอาการ ร้อนในได้
คนเป็นเบาหวานดื่มน้ำขิงได้ไหม
ขิงจะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 การดื่มขิงชนิดผงในปริมาณ 3 กรัมต่อวัน จะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่ายาปฏิชีวนะ แต่หากดื่ม Ginger beer ที่มีรสชาติหวาน มันก็ไม่ช่วยในการปรับระดับน้ำตาล
น้ำขิงควรกินตอนไหนถึงจะดีที่สุด
ดื่มน้ำขิงก่อนอาหารเช้าหรือหลังตื่นนอน ช่วงหลังตื่นนอนเป็นเวลาที่อุณหภูมิร่างกายต่ำที่สุด และอวัยวะต่างๆในร่างกายยังตื่นไม่เต็มที่ เมื่อดื่มน้ำขิงอุ่นๆจะช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้ค่อยๆสูงขึ้นพร้อมกระตุ้นอวัยวะในร่างกาย
ใครที่ไม่ควรทานขิง
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ระบบไหลเวียนโลหิต ไม่ควรดื่มน้ำขิง เพราะจะทำให้หลอดเลือดหนาตัวขึ้น อาจนำมาสู่การเกิดโรคฮีโมฟีเลียได้ หรือภาวะเลือดออกง่าย แข็งตัวยาก เกล็ดเลือดจับตัวเป็นลิ่ม ผู้ที่เป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี เพราะการดื่มน้ำขิงจะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำดีออกมามากเกินไป ทำให้เกิดการอุดตันของน้ำดี
สรุป ขิงเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าทางสุขภาพและเป็นส่วนสำคัญของอาหารไทยมานานกว่าพันปี การใช้ขิงเป็นยาและเครื่องปรุงรสในอาหารม ความปลอดภัยสูง แต่ควรระมัดระวังในการใช้ในปริมาณมากเนื่องจากอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ในปัจจุบันการผลิตขิงมีการลดลงเนื่องจากการใช้ขิงเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อย่างไรก็ตาม ขิงยังคงเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าทางสุขภาพและเป็นส่วนสำคัญของอาหารไทย
ที่มา
ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ argentinabuscador.com